เขียวหมื่นปี เป็นพืชในวงศ์ Araceae สกุล Aglaonema
มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ในประเทศเขตร้อนของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และ แอฟริกา
ไม้ในตระกูลนี้คนไทยส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันในชื่อว่านมงคลที่มีสรรพคุณต่างๆ กันตามความเชื่อถือ เช่น ว่านเขียวพันปี,
ว่านเขียวหมื่นปี เชื่อว่าจะทำให้ผู้ปลูกเลี้ยงมีอายุยืนนาน ว่านกวักทองคำ เชื่อว่าจะทำให้ค้าขายดีสามารถกวักสิ่งดีๆ ให้มาหาได้
ว่านเงินเต็มบ้าน เชื่อว่าจะทำให้ร่ำรวยเงินตราไม่รู้จบ ซึ่งเขียวหมื่นปีที่ปลูกเลี้ยงกันในประเทศไทย
บางพันธุ์ก็เป็นพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยเอง บางพันธุ์ก็สั่งนำเข้าจากต่างประเทศ
แล้วมาตั้งชื่อเป็นภาษาไทยให้มีความหมายไปในทางมงคลเพื่อผลทางการค้า
รวมถึงการนำพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาเพื่อผสมกับเขียวหมื่นปีพันธุ์พื้นเมือง เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่มีสีสันสวยงามแปลกตาออกไป
ลักษณะทั่วไป
เขียวหมื่นปี เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่มีระบบรากเป็นรากฝอย แผ่กระจายอยู่ใต้ดินในระดับตื้น
บางชนิดสามารถอยู่ในสภาพน้ำท่วมขังได้ดี บางชนิดมีการพัฒนาระบบรากให้สะสมน้ำและอาหารเพื่อให้อยู่ได้ในสภาพแห้งแล้ง
ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อน ตั้งตรง มีข้อถี่ แตกใบอ่อนตรงส่วนยอดของลำต้นทีละใบ
มีบางชนิดที่ลำต้นทอดเลื้อยไปตามผิวดินแตกรากได้ทุกข้อของลำต้น ใบมีรูปร่างยาวเรียวคล้ายใบพาย บางชนิดมีใบป้อมคล้ายใบโพธิ์
พื้นใบมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม ด่างสีขาว ครีม หรือเหลืองต่างกันไป เมื่อต้นมีอายุประมาณ 18-20 เดือน จะเริ่มให้ดอก
โดยสังเกตได้จากยอดที่เกิดใหม่จะมีใบขนาดเล็กกว่าปกติ เรียกว่า ใบธง ดอกจะเกิดพร้อมกับใบธงนี้
ดอกของเขียวหมื่นปีมีลักษณะคล้ายดอกของไม้ในวงศ์บอนทั่วไป ประกอบด้วย กาบหุ้มดอกหรือกาบหุ้มปลี รูปไข่หรือค่อนข้างกลม
สีเขียวอ่อน และช่อดอกหรือปลี มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก เกสรตัวผู้อยู่ส่วนบน และเกสรตัวเมียอยู่ส่วนล่าง
การปลูกและดูแลรักษา
เขียวหมื่นปีเป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงดูแลรักษาง่าย สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่มีแสงสว่างไม่มากนัก
ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่แห้งแล้งและความชื้นต่ำได้เป็นอย่างดี
การปลูกเลี้ยงเขียวหมื่นปีถ้าปลูกเลี้ยงในที่มีแสงสว่างมากใบจะชูตั้งขึ้น ใบจะสั้นลงแต่มีสีสวยสดใส
ถ้าปลูกเลี้ยงในที่มีแสงสว่างน้อยใบจะลู่ราบลงขนานกับพื้น ใบจะยาวขึ้น สีไม่สดใส จึงควรปลูกเลี้ยงในที่มีแสงเหมาะสม
ประมาณ 30-40% และมีแสงสม่ำเสมอรอบต้น หากได้รับแสงเพียงด้านใดด้านหนึ่งจะทำให้ต้นเอียงไปทางด้านที่มีแสงมากกว่า
แต่ถ้าให้ถูกแสงแดดโดยตรงจะทำให้ใบไหม้ได้ สำหรับดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินที่มีส่วนผสมของอินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก
ระบายอากาศได้ดีไม่มีน้ำขังแฉะหรือแห้งเร็วเกินไป ปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 10-10-10, 15-15-15 ในปริมาณน้อยๆ
หรืออาจใช้ปุ๋ยละลายช้าเพื่อค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารให้แก่ต้นก็ได้
การขยายพันธุ์
- การแยกหน่อ เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลรวดเร็ว แต่ใช้ได้กับต้นที่มีหน่อเท่านั้น โดยตัดหน่อใหม่ที่มีใบ 2-3 ใบและที่โคนหน่อมีรากแล้ว ทารอยตัดด้วยปูนแดงรอให้แห้ง ก็สามารถนำไปปลูกได้ทันที
- การปักชำยอด วิธีนี้มักใช้กับต้นที่มีขนาดใหญ่สูงชลูดขาดความสวยงาม โดยตัดยอดให้มีความยาวพอสมควรไม่สั้นหรือยาวเกินไปและตัดให้รอยตัดชิดกับข้อ ต้นมากที่สุด ทาปูนแดงที่รอยตัดทั้งสอง ลอกใบของยอดชำออกให้เหลือแต่ใบส่วนยอดประมาณ 4-5 ใบ นำไปปักชำในขุยมะพร้าวผสมขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าวผสมทรายหยาบ วางไว้ในที่ร่ม รดน้ำและรักษาความชื้นให้สม่ำเสมอ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ จะเกิดราก จึงสามารถย้ายปลูกลงดินได้ต่อไป
- การตอนยอด วิธีนี้มักใช้กับต้นที่มีขนาดใหญ่สูงชลูดเช่นเดียวกับการปักชำยอด โดยลอกใบด้านล่างของยอดให้เหลือยอดพอสวย ใช้มีดที่คมและสะอาดกรีดเป็นรอยตามความยาวของต้นลึกประมาณ 0.5 ซม. บริเวณข้อต้นที่จะตอน 4-6 รอย หุ้มด้วยถุงพลาสติกมัดให้แน่น ประมาณ 3-4 สัปดาห์รากจะงอก จึงตัดนำไปปลูกต่อไป
- การชำข้อและลำต้น เป็นวิธีที่ง่ายและทำให้ได้ต้นใหม่จำนวนมาก ทำได้โดยตัดส่วนของข้อหรือลำต้นเป็นท่อนๆ ยาว 5-7 ซม. โดยให้มีส่วนของตาติดมาด้วยทุกท่อน แช่ด้วยน้ำผสมยากันเชื้อราหรือทาด้วยปูนแดงทิ้งไว้ให้แห้ง นำไปชำในขี้เถ้าแกลบผสมขุยมะพร้าวในอัตราส่วนเท่าๆ กัน โดยฝังให้จมลงประมาณสองในสามส่วนของลำต้นตามแนวนอนและวางให้ตาที่สมบูรณ์ที่ สุดอยู่ด้านบน ประมาณ 45-60 วัน รากจะงอก เมื่อใบขึ้นมา 2-3 ใบจึงย้ายปลูกได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น