วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ต้นบอนสี Caladium bicolor vent.

บอนสี
 
ชื่อวิทยาศาสตร์     Caladium bicolor vent.

ตระกูล                 ARACEAE

ชื่อสามัญ             Caladium Angle's Wings



ลักษณะทั่วไป
บอนสีเป็นพรรณไม้ที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินลักษณะเป็นหัว ส่วนที่เจริญขึ้นมานั้นคือก้านใบ ใบเป็นใบเดี่ยวติดกับก้านใบ ก้านใบยาว
ประมาณ 20-50 เซนติเมตร โคนก้านใบจะมีกาบใบหุ้มเป็นชั้น ๆ เรียงชั้นสลับกัน ใบใหญ่กว้างคล้ายรูปหัวใจขาดใบกว้าง
ประมาณ 8-15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ลักษณะใบ สีสรร และขนาด แตกต่างกันตามชนิดพันธุ์
ดอกออกจากส่วนกลางของยอด ซึ่งมีก้านดอกชูยาวเท่ากับขนาดก้านใบดอกกลมขอดปลยแหลม เมื่อบานเต็มที่โคนดอกกลม
เป็นตุ่ม และส่วนปลายแผ่นบานใหญ่ เป็นรูปกลมรี ส่วนปลายแหลมตรงกลางดอก มีเกสรเป็นแท่งยาวโผล่ออกมา
ดอกมีสีขาวหรือสีชมพู ลักษณะดอกคล้ายกับดอกกวักมงคล

การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นบอนสีไว้ประจำบ้านช่วยคุ้มครองให้เกิดความสงบสุข เพราะบอนสีเป็นพรรณไม้เก่าแก่
ที่ปลูกไว้คู่บ้านคู่เมืองมานานแล้วซึ่งนิยมปลูกในพระราชวังของขุนนางข้าราชการในสมัยโบราณดังนั้นคนไทยจึงนำมาปลูก
ไว้ประจำบ้านด้วย เพื่อเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย นอกจากนี้ชุดพันธุ์ของบอนสี ยังเป็นไม้มงคลนามอีกด้วย
เช่น ชุดเทวดาประจำเรือน ชุดราชา เป็นต้น
การปลูก
1.การปลูกในกระถางเพื่อประดับอาคารบ้านเรือนทั้งภายในและภายนอกควรใช้กระถางทางสูงขนาด610นิ้วใช้ปุ๋ยคอก:ใบไม้ผุ:ทราย
    หรือขุยมะพร้าวอัตราอย่างละ1ส่วนผสมคลุกเคล้าเป็นดินปลูกและควรเปลี่ยน กระถางปีละครั้งเพราะการแตกกอของบอนสีแน่นเกิน
    ไปนอจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เสื่อมสภาพไปอีกด้วยถ้า ใช้เพื่อประดับภายในอาคารควรให้ต้นบอนได้รับ
    แสงบ้างอย่างน้อย 3-5 วัน ต่อครั้ง หรืออาจจะเลือกชนิดพันธุ์ที่เหมาะสมกับในร่มก็ได้ เช่น บอนชนิดใบสีเขียว

2. การปลูในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน คนโบราณนิยมปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน หรือบริเวณสวนหน้าบ้าน ขนาดหลุมปลูก
    30 x 30 x 30 ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 3 และใช้ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต (Superphosphate) หรือปูนขาว
    อัตรา 5-10     กรัมต่อหลุมรองก้นหลุมเพื่อช่วยปรับปรุงสภาพต้นให้เหมาะสมกับการปลูกบอน

การดูแลรักษา
แสง                                    ต้องการแสงแดดอ่อน รำไร หรือกลางแจ้ง

น้ำ                                      ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง

ดิน                                     ดินร่วนซุย ความชื้นปานกลางถึงสูง

ปุ๋ย                                     ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/กอ ใส่ 1-2 เดือน/ครั้ง

การขยายพันธุ์
ใช้หัว การแยกหน่อ
โรคศัตรู                            โรครากเน่า ไร (Spider mites)

อาการ                                ใบเหลือง แห้งเหี่ยว และบริเวณโคนต้นจะมีเส้นใยสีขาว ใบมีจุดเล็กแห้งเป็นสีน้ำตาล

การป้องกัน                         ควบคุมน้ำให้เหมาะสมและรักษาความสะอาดอุปรณ์ปลูก และบริเวณแปลงปลูก

การกำจัด                            ใช้ยาแคปแทน หรือมาแนบ และยาคาราแทน อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก

รับจัดสวนสวย ทำน้ำตก ตกแต่งสวน ออกแบบสวน 
โดยทีมงานมืออาชีพราคาถูกและ
เป็นกันเอง ไม่ว่าท่านต้องการจัดสวนแบบไหนเราก็จัดสวนให้ได้ค่ะ
สอบถามโทร. 084-7073112
เทียนทอง
 
ชื่อวิทยาศาสตร์:     Duranta drdcta L.
ชื่อวงศ์:               VERBENACEAE
      

ลักษณะวิสัย: ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป : สูงประมาณ 3 เมตร ใบและดอกเด่นสะดุดตา ตอบสนองต่อแสงดีมาก นิยมปลูกเป็นไม้สวนกลางแจ้ง
สามารถตัดแต่งเป็นรูปทรงที่ต้องการได้
ใบ : ใบออกเป็นคู่ตรงกันข้าม มีสีเหลือง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ ยอดกิ่ง ดอกมีลักษณะเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีม่วงชมพู
ประโยชน์ : นิยมปลูกเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ ใช้ตกแต่งสวน หรือบริเวณที่ต้องการแนวเป็นรั้ว ใช้ปลูกร่วมกับไม้ชนิดอื่น ๆ
ทำให้สนามหรือสวนดูสวยงาม เป็นสัดส่วน และ มักนิยมปลูกเป็นไม้ถุง จำหน่ายได้ง่าย เป็นพืชที่ต้องการแสงมาก
ชอบน้ำหรือความชื้นสูง
การขยายพันธุ์: ปักชำกิ่ง
การกระจายพันธุ์ : ประเทศไทยพบขึ้นทั่วไป ในต่างประเทศทั่วไปในเขตร้อน


รับจัดสวนสวย ทำน้ำตก ตกแต่งสวน ออกแบบสวน 
โดยทีมงานมืออาชีพราคาถูกและ
เป็นกันเอง ไม่ว่าท่านต้องการจัดสวนแบบไหนเราก็จัดสวนให้ได้ค่ะ
สอบถามโทร. 084-7073112
ชื่อสามัญ                Song of india
ชื่อวิทยาศาสตร์        Dracaena reflexa "varicgatum"
ตระกูล                  LILIACEAE
ถิ่นกำเนิด               ตอนใต้ของอินเดียและศรีลังกา
ลักษณะทั่วไป
ซองออฟอินเดียเป็นพันธุ์ที่มีความสวยงามมาก ใบมีสีเขียวตรงกลางขอบใบมีสีเหลืองทอง ใบแข็งและหนา ปลายใบแหลม
เจริญเติบโตได้ช้ามากเพราะว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของใบไม้ ่ค่อยมีคลอโรฟิล ซองออฟอินเดียนิยมปลูกเป็นไม้ประดับกลางแจ้งและตกแต่งสวน
การดูแลรักษา
แสง                          ชอบแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน

น้ำ                             ชอบน้ำมาก แต่ไม่ควรจะขังแฉะ

ดิน                             ชอบดินร่วนปนทราย

ปุ๋ย                            ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้ปีละ 2-3 ครั้ง

การขยายพันธ์           โดยการตัดชำและการตอน

โรคและแมลง            เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย

การป้องกันกำจัด       ฉีดพ่นด้วยมาลาไธออนหรือไดเมทโธเอธตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลากยา


รับจัดสวนสวย ทำน้ำตก ตกแต่งสวน ออกแบบสวน 
โดยทีมงานมืออาชีพราคาถูกและ
เป็นกันเอง ไม่ว่าท่านต้องการจัดสวนแบบไหนเราก็จัดสวนให้ได้ค่ะ
สอบถามโทร. 084-7073112
ชื่อสามัญ                Song of india
ชื่อวิทยาศาสตร์        Dracaena reflexa "varicgatum"
ตระกูล                  LILIACEAE
ถิ่นกำเนิด               ตอนใต้ของอินเดียและศรีลังกา
ลักษณะทั่วไป
ซองออฟอินเดียเป็นพันธุ์ที่มีความสวยงามมาก ใบมีสีเขียวตรงกลางขอบใบมีสีเหลืองทอง ใบแข็งและหนา ปลายใบแหลม
เจริญเติบโตได้ช้ามากเพราะว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของใบไม้ ่ค่อยมีคลอโรฟิล ซองออฟอินเดียนิยมปลูกเป็นไม้ประดับกลางแจ้งและตกแต่งสวน
การดูแลรักษา
แสง                          ชอบแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน

น้ำ                             ชอบน้ำมาก แต่ไม่ควรจะขังแฉะ

ดิน                             ชอบดินร่วนปนทราย

ปุ๋ย                            ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้ปีละ 2-3 ครั้ง

การขยายพันธ์           โดยการตัดชำและการตอน

โรคและแมลง            เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย

การป้องกันกำจัด       ฉีดพ่นด้วยมาลาไธออนหรือไดเมทโธเอธตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลากยา


รับจัดสวนสวย ทำน้ำตก ตกแต่งสวน ออกแบบสวน 
โดยทีมงานมืออาชีพราคาถูกและ
เป็นกันเอง ไม่ว่าท่านต้องการจัดสวนแบบไหนเราก็จัดสวนให้ได้ค่ะ
สอบถามโทร. 084-7073112
ชื่อวิทยาศาสตร์     Dieffenbachia

ตระกูล                 ARACEAE

ชื่อสามัญ             Dumb cane

ถิ่นกำเนิด            อเมริกาใต้
ลักษณะทั่วไป
สาวน้อยประแป้ง เป็นไม้ประดับที่มีใบใหญ่สวยงามไปด้วยลวดลายและค่อนข้างหนา ก้านใบหนา ใบมีตั้ง
แต่สีเขียวอ่อน เขียวแก่ และสีเหลืองครีม มีลายแต้มประปรายอยู่ตามใบ พันธุ์ไม้ชนิดนี้เจริญเติบโตได้ดี
ในที่ร่ม ชอบอากาศอบอุ่น และความชื้นสูง แต่ขณะเดียวกันก็สามารถที่จะเจริญเติบโตในห้องปรับอากาศ
ที่มีความเย็น หรือในสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้เช่นกัน จึงถือได้ว่าเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย แม้บางครั้งบางคราว
เจ้าของอาจ จะปล่อย ปละละเลยไปบ้างก็ตาม การที่จะนำสาวน้อยประแป้งเข้ามาตั้งประดับภายในห้องนั้น
ระยะแรกต้องตั้งเอาไว้ให้มัน เคยชินกับสภาพภายในบริเวณบ้านก่อนสัก 6 - 7 วัน จึงเอาเข้าในห้องเพื่อที่มัน
จะได้เจริญเติบโตต่อไปโดยไม่ หยุดชะงัก
    
การดูแลรักษา
แสง                              ไม่ชอบแสงโดยตรง ควรใช้วัสดุพรางแสง เพื่อลดความเข็มของแสงบ้าง

อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18 - 24 องศาเซลเซียส

ความชื้น                        ต้องการความชื้นสูง

น้ำ                                อย่า รดน้ำมากเกินไปจนแฉะ เพราะอาจทำให้เกิดกานเน่าได้ ควรรดแต่น้อย                                    แต่รดให้บ่อยครั้ง และในห้านหนาวควรลดการให้น้ำลง เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราได้

ดินปลูก                         ดินร่วน 1 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน

ปุ๋ย                               ใช้ปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 -2 ครั้ง

กระถาง                         เปลี่ยนกระถางใหม่ทุกปี

การขยายพันธุ์                ตัดลำต้นปักชำ โดยให้ตัดต่ำกว่ายอดลงมาประมาณ 1 ฟุต

โรคและแมลง                 โรคโคนเน่า ส่วนแมลงไม่ค่อยพบ

การป้องกันกำจัด            งดการให้น้ำทันที แล้วทำให้ดินปลูกแห้ง ให้ยากำจัดเชื้อราพวกแคปแทน (captan)
                                  มาแนบ (Maneb) หรือ ไซแนบ (Zineb)

ต้น Sancivieria

ชื่อวิทยาศาสตร์     Sancivieria

ตระกูล                 AGAVACEAE

ชื่อสามัญ             Mather - in - law's Tongue

ถิ่นกำเนิด             แถบทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ
ลักษณะทั่วไป
ลิ้นมังกรเป็นพรรณไม้ ที่มีลำต้นเป็นหัว หรือเหง้าอยู่ในดิน ลักษณะลำต้นเป็นข้อ ๆ ใบเกิดจากหัวที่โผล่ออมาพ้นดินเป็นกอ
ลักษณะใบยาวปลายแหลม แข็งเป็นมัน ขอบใบเรียบ โค้งงอเล็กน้อย ขอบใบมีสีเหลืองกลางใบสีเขียวอ่อน ประด้วยเส้นสีเขียวเข้ม
ขนาดของใบกว้างปรมาณ 4-7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ก้านดอกประกอบด้วยกลุ่มดอกป็นชั้น ๆ
ลักษณะดอกมีขนาดเล็ก ออเรียงกันเป็นแนวตามชั้นของก้านดอกดอกมีสีขาวมีกลีบประมาณ 5 กลีบ นาดดอกบานเต็มที่ 2 เซนติเมตร
ลักษณะขนาดใบ และสีสรร จะแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์

การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นลิ้นมังกรไว้ประจำบ้าน จะช่วยป้องกันอันตรายจากภายนอกได้ เพราะลิ้นมังกร
บางคนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าหอกพระอินทร์ ซึ่งเป็นอาวุธชนิดหนึ่งของพระอินทร์ ที่ใช้ในการต่อสู้และปกป้องศัตรูจากภายนอก
ดังนั้นลิ้นมังกรจึงเป็นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นไม้ที่มีความสำคัญของพระอินทร์ในสมัยพุทธกาล
การปลูก
1.การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนนิยมปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนแต่คนโบราณ
นิยมปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน : อัตรา 1 : 1
ผสมดินปลูก

2 การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-15 นิ้ว ใช้ปุ๋คอก หรือ ปุ๋ยหมัก
ดินร่วน อัตรา : 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถางทุก 1-2 ปี เพราะเนื่องจากการขยายตัวของรากและหน่อแน่นเกินไป
และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
การดูแลรักษา
แสง                       ต้องการแสงแดดปานกลาง จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

น้ำ                         ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง

ดิน                         ดินร่วนซุย

ปุ๋ย                         ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/กอ ใส่ปีละ 4-5 ครั้ง

การขยายพันธ์           แยกหน่อหรือตัดชำใบ

โรคและแมลง            ไม่ค่อยพบโรคและแมลงที่ก่อให้เกิดปัญหา

Asplenium nidus

ชื่อวิทยาศาสตร์    Asplenium nidus

ตระกูล                 POLYPODIACEAE

ชื่อสามัญ             Bird's nest fern

ถิ่นกำเนิด             เกิดอยู่ทั่วไปในแถบที่มีอากาศร้อน และอบอุ่น เช่น เอเซีย ออสเตรเลีย

ลักษณะทั่วไป
 เฟิร์นชนิดนี้ ฝรั่งแรียกว่า "Bird's nest fern" เฟิร์นรังนกชอบอาศัยอยู่ตามคาคบ ไม้ใหญ่ในเขต อบอุ่นที่มีความ
ชื้นสูงถือว่าเป็นลักษณะของกาฝากใบของเฟิร์นข้าหลวง จะมีสีเขียวอ่อน ขอบใบหยักเป็นคลื่น ก้านใบจะมีสีน้ำตาล
เข้ม การเรียงตัวของใบจะเรียงตัวแบบเกลียวคล้ายดอกกุหลาบ ใบที่เกิดใหม่จะอ่อนและเปราะหักได้ง่ายแต่พอ
เจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะมีความเหนียวและหนามาก เมื่อนำมาปลูกภายในอาคารบ้าน เรือนจะต้องคอยทำความ
สะอาดเช็ดถูสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองออกจากใบบ้างเดือนละครั้ง ก็ยังดีเฟิร์นข้าหลวง เป็นพืชที่ชอบความชื้นสูงถ้า
อากาศแห้งแล้งควรฉีดสเปรย์ให้ใบของมันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพราะการฉีดละอองน้ำจะทำให้ใบของมันสดชื่นอยู่ตลอด
การดูแลรักษา
แสง                              ชอบอยู่ในร่มและแดดส่องถึงได้บ้างเล็กน้อย

อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส

ความชื้น                        ต้องการความชื้นสูง

น้ำ                               ใน ระยะแรกของการเจริญเติบโตต้องให้น้ำอย่างเต็มที่ และลดปริมาณลงในฤดูหนาว                                    ปกติก็ควรจะให้ 2 วันต่อครั้ง

ดินปลูก                        ดิน ร่วน 1 ส่วน ใบไม้ผุ 1 ส่วน ทรายละเอียด 1 ส่วน ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน                                   (ควรใช้ปุ๋ยเก่าๆ ค้างปี เศษอิฐหัก 1 ส่วน ปูนขาว 1/2 ส่วน

ปุ๋ย                               ควร ละลายปุ๋ยผสมน้ำรดเดือนละครั้งถ้าต้องการเร่งการเจริญเติบโตในช่วงแรกก็ใช้ ปุ๋ย                                    เคมีสูตรเสมอ เช่น 16 - 16 - 16 ละลายน้ำรดเดือนละ 2 ครั้ง
กระถาง                         ควรกระถางปากกว้าง แต่ไม่จำเป็นต้องลึกนัก

การขยายพันธุ์                 แยกกอ เพราะโดยใช้สปอร์ (spore)

โรคและแมลง                 มด เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ ส่วนโรคไม่ค่อยพบ

การป้องกันกำจัด             มด โรยด้วยยาผงคลอเดนไปที่รัง หรือทางเดิน เพลี้ยอ่อน ใช้ยาเซวินผล 1/2 ช้อนชา                                    ละลายน้ำ 1 แกลลอน ฉีดพ่นให้ทั่ว เพลี้ยไฟ ใช้เช่นเดียวกับเพลี้ยอ่อน